ชายรักชาย…ความสุขบนความเสี่ยง?

ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ว่า ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อหนองในและเอชไอวีในกลุ่มวัยรุ่นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี ติดเชื้อเอชไอวีแซงหน้าวัยรุ่นชาย (อาจเป็นเพราะวัยรุ่นหญิงบางส่วนมีค่านิยมนอนกับผู้ชายเพื่อเก็บสถิติ อีกทั้งนโยบายจัดระเบียบสังคม ทำให้การขายบริการทางเพศ ซึ่งเดิมขายตรง เป็นการขายแบบอ้อมๆ มากขึ้น)

นอกจากนี้ผลการวิจัยเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศยังระบุว่า วัยรุ่นบางส่วนมีความเชื่อผิดๆว่าการกินยาขับปัสสาวะจะทำให้ไม่ติดเอดส์  นักเรียนชายบางคนยังใช้ถุงพลาสติคสวมแทนถุงยางอนามัย และบางคนใส่ถุงยางแบบ 3 ช่า คือ ใส่ถุงยาง 3 ชิ้น สวมทับกัน ชิ้นแรกสวมเฉพาะช่วงปลายอวัยวะ ชิ้นที่ 2 สวมทับลงไปและดึงลงมาประมาณครึ่งท่อน และชิ้นที่ 3 สวมจนถึงโคนองคชาต เมื่อสวมเสร็จแล้วจะมีลักษณะเป็นลูกคลื่นทำให้ดูเหมือนอวัยวะใหญ่ขึ้น ซึ่งเป็นลักษณะของการสวมใส่ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง

ถึงแม้ข้อมูลจะระบุว่ากลุ่มวัยรุ่น (ทั้งหญิงและชาย) เป็นกลุ่มหนึ่งที่มีการติดเชื้อเอชไอวีสูง แต่กลับพบว่ากลุ่มที่มีการแพร่ระบาดของการติดเชื้อเอชไอวีมากที่สุดคือกลุ่ม “ชายรักชาย” (men who have sex with men: MSM) ซึ่งหมายถึง ชายที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศกับชายคนอื่น โดยเขาอาจเป็นเกย์ ไบเซ็กซวล สาวประเภทสอง หรือไม่ใช่ทั้งสามอย่างก็ได้ (เช่น ชายที่ขายบริการทางเพศ ซึ่งไม่สามารถเลือกแขกได้)

ถามว่าทำไมต้องมี MSM อีกในเมื่อเรามีชื่อเรียกผู้ที่ชื่นชอบเพศเดียวกันเหล่านี้หลากหลายชื่ออยู่แล้ว ข้อเท็จจริงก็คือ MSM เป็นชื่อที่ใช้ในการแบ่งแยกชายรักชายเชิงพฤติกรรมไม่ใช่เชิงอัตลักษณ์ และมักใช้ในการศึกษาเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อเอชไอวี เนื่องจากพบว่ากลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อค่อนข้างสูง โดยในปี 2550 พบการติดเชื้อในเขตกรุงเทพมหานครสูงถึงร้อยละ 30.7 (หมายความว่าหากมีชายรักชายจำนวน 3 คน อย่างน้อย 1 คนในกลุ่มนี้ติดเชื้อเอชไอวี) รองลงมาได้แก่ภูเก็ต (ร้อยละ 20.0) และเชียงใหม่ (ร้อยละ 16.9) 

ฟังข้อมูลนี้แล้วใจหาย…ไม่อยากนึกถึงผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต (ไม่ว่าจะในแง่ของสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ)

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าความรักความชอบระหว่างเพศเดียวกันไม่ใช่เรื่องผิดปกติ (หากความรักความชอบนั้นไม่ได้ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน) เพราะทุกวันนี้ก็มีเพื่อนผู้หญิงที่ชอบผู้หญิงด้วยกัน และเพื่อนผู้ชายที่ชอบผู้ชายด้วยกัน เห็นพวกเขาก็มีชีวิตที่ปกติสุขกันดี (อาจเป็นเพราะได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคมรอบข้าง)

ว่ากันว่า คนเราเลือก (เพศ) เกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ คนบางคนโชคดีที่เกิดมาในร่างของผู้ชายพร้อมใจที่เป็นชาย และบางคนก็เกิดมาในร่างของผู้หญิงพร้อมใจที่เป็นหญิง สำหรับคนที่ไม่โชคดีมากขนาดนั้นอย่าง MSM คิดว่าครอบครัวและสังคมน่าจะให้โอกาสเขาเหล่านั้นเลือกใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง มีคนถามว่าในเมื่อเป็น MSM แล้วทำไมบางคนถึงไม่กล้าเปิดเผย และบางคนก็ไม่กล้ายอมรับความจริง คำถามนี้ตอบให้ไม่ได้ค่ะ เพราะคนทุกคนมีเหตุผลสนับสนุนการกระทำของตัวเองไม่เหมือนกัน (บางคนเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน เป็นความหวังของพ่อแม่และวงศ์ตระกูล เขาอาจเลือกที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุข และเลือกที่จะเก็บความทุกข์ไว้กับตัวเองก็ได้ หรืออื่นๆ อีกมากมาย…)

สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่ม MSM  ทางเลือกหรือโอกาสในสังคมของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่ทางเลือกในการดูแลสุขภาพยังเปิดกว้างให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกันเสมอ โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวี 

สถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้จัดทำโครงการดีๆ โครงการหนึ่ง ชื่อว่า “การคัดกรองอาสาสมัครเบื้องต้นเพื่อเตรียมเข้าโครงการวิจัยป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในเพศชาย” เน้นให้บริการให้คำปรึกษา ตรวจเอชไอวี และตรวจวินิจจัยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่ม MSM โดยเฉพาะ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการหรืออาสาสมัครจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆในการคัดกรองครั้งนี้ นอกเหนือจากการตรวจสุขภาพฟรีแล้ว จะได้รับของตอบแทนอื่นๆ อีก เช่น บัตรเติมเงินสำหรับโทรศัพท์มือถึอ หรือบัตรชมภาพยนตร์ หากใครสนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ website www.pimancenter.com 

banner-01
ได้แต่หวังว่าข้อเขียนใน blog นี้จะเป้นสื่อกลางให้กับ MSM และผู้ที่รักและห่วงใยพวกเขาทุกคน ในการเข้าถึงโครงการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีในเพศชายดีๆ อีกโครงการหนึ่งนะคะ