นับจากที่ได้ดูหนังสารคดีเรื่อง Home เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็ยังไม่เจอหนังเรื่องไหนที่ดูแล้วประทับใจอีก จนกระทั่งวันนี้ได้มีโอกาสไปดูหนังสารคดีเรื่อง Expedition Linnaeus ซึ่งเป็นหนังสวีเดน หนึ่งในบรรดาหนังหลายเรื่องที่นำมาฉายใน European Union Film Festival 2009 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 5-15 พฤศจิกายน ณ เซ็นทรัลกาดสวนแก้ว เชียงใหม่ (ที่กรุงเทพจะเริ่มวันที่ 19-29 พฤศจิกายน ที่ Central World เผื่อใครที่ชื่นชอบหนังดีๆ แบบนี้จะได้ไปหาชมกันค่ะ)
Expedition Linnaeus เป็นหนังที่สะท้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโลกผ่านแนวคิดของนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดนชื่อ คาโรลัส ลินเนียส (Carolus Linnaeus) เพื่อให้เราได้รู้ว่าวิทยาศาสตร์และการค้นคว้าวิจัยมีส่วนช่วยให้โลกเราดีขึ้นอย่างไร และเราควรจะปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อจะได้มีชีวิตรอดในอนาคต
สำหรับคนที่เคยเรียนชีววิทยามาเมื่อสมัยมัธยม คิดว่าคงคุ้นๆ กับชื่อของลินเนียส เพราะเขาคือผู้ริเริ่มการจัดแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเป็นหมวดหมู่ ซึ่งถูกนำมาประยุกต์ใช้กับระบบการเรียกชื่อสิ่งมีชีวิตแบบทวินาม ซึ่งมีประโยชน์ในการศึกษาชีววิทยาต่อมาจวบจนปัจจุบัน โดยชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตที่จัดจำแนกโดยเขา จะลงท้ายด้วย L. หรือ Linn. (พืช) หรือ Linnaeus (สัตว์) เพื่อเป็นการให้เกียรติ
หนังนำเราไปพบกับช่างภาพและผู้ำกำกับหนังชื่อ Mattias Klum ผู้ที่นิยมถ่ายภาพและผลิตสารคดีเกี่ยวกับธรรมชาติ (ดูเหมือนว่าจะผลิตให้กับ National Geography เนื่องจากเห็นใส่หมวกของ NG อยู่ และเนื่องจากหนังเป็นภาษาสวีเดน และ subtitle เป็นภาษาอังกฤษ จึงทำให้ไม่ค่อยทราบรายละเอียดในส่วนของการสร้าง) และจากความสามารถในภาษาอังกฤษแบบอ่อนด้อยของผู้เขียน ก็พอจะทราบว่า เขาตั้งคำถามว่า การที่พืชและสัตว์จำนวนมากต้องสูญพันธุ์และกำลังจะสูญพันธุ์นั้น หมายความว่าอย่างไร…อะไรกำลังจะเกิดกับโลกใบนี้ และเราจะรับมือกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงอย่างไร
แล้ว Klum ก็พาเราไปสัมผัสกับชีวิตของพืชและสัตว์ในบริบทของพื้นที่ทั้ง 7 ทวีปทั่วโลก พร้อมกับนักศึกษา 3 คน ที่ถือเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ (รุ่นที่ต้องรับผลกระทบ…และต้องหาทางแก้ไขปัญหา) ภาพในหนังสวยงามมาก อาจเป็นเพราะผู้กำกับเป็นช่างภาพที่เก่ง เขาจึงถ่ายรูปออกมาได้มีชีวิตชีวาและติดตรึงใจ หมายความว่าที่ต้องการให้สวยมันก็สวยมาก ที่ต้องการให้เราจดจำโดยเฉพาะใบหน้าและท่าทางของคนในภาพ มันก็ออกมา “โคตร” จะงดงามและได้อารมณ์ (เชื่อว่าคนที่ชอบถ่ายภาพต้องชอบแน่นอน) และมีภาพครบทั้งสามภพ คือ ท้องฟ้า พื้นดิน และใต้น้ำ
บอกตามตรงว่าตอนที่ดูหนังนั้น โคตรจะอิจฉานักศึกษาทั้งสามคนที่ร่วมเดินทางไปถ่ายภาพกับ Klum เพราะถึงแม้จะแยกกันไปในแต่ที่ แล้วนำภาพมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน มันก็คุ้มสุดคุ้มกับการเดินทางแบบนี้ เพราะได้ทั้งประสบการณ์และการเรียนรู้ผ่านสังคม วัฒนธรรม และธรรมชาติของแต่ละพื้นที่ ซึ่งไม่เหมือนกันเลย แต่สะท้อนออกมาเหมือนกันคือ “โลกกำลังเปลี่ยนไป” (ในทางที่แย่ลง)
มีคำถามมากมายในหนังที่คนดูต้องกลับมาคิดต่อ และ “ลงมือทำ” เพราะแค่คิดไม่มีทางที่จะทำให้โลกเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นได้ เช่นเดียวกับคำพูดที่ว่า “Think Globally, Act Locally” เชื่อกันว่าคนทุกคนในโลกใบนี้สามารถทำให้โลกดีขึ้นได้ เริ่มต้นจากรักตัวเอง รักครอบครัว รักงานทีีี่ทำ รักชุมชน รักประเทศ รักโลก… เพราะหากเรารักตัวเอง…เราจะไม่ทำร้ายโลกที่เราอยู่ หากเรารักครอบครัว…เราจะไม่ทำร้ายโลกของคนที่เรารัก ฯลฯ (ตรงนี้ไม่มีในหนังค่ะ แต่คิดว่าเป็นประเด็นที่คิดได้จากการดูหนัง) โดยเฉพาะเรื่องของความรักในงานที่ทำ สำหรับคนที่อยู่ในวงการวิชาการและวิจัย ว่ากันว่า หากเราชอบในสิ่งที่เราทำ เราจะมีความสุขกับมัน และจะทำให้เกิดความกระตือรือร้น มีพลังที่พร้อมจะสร้างสรรค์งานที่ดีและมีประโยชน์กับโลก
ถามตัวเองอีกครั้ง…วันนี้เราทำอะไรเพื่อโลกบ้างหรือยัง?
ถ้ายัง ลองไปดูหนังเืรื่องนี้กันนะคะ เผื่อจะได้คำตอบ…